องคมนตรี ติดตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์  

          องคมนตรี ติดตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์

           วันพุธที่ 21 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 10.00 น. นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมด้วย นายศุภรัชต์ อินทราวุธ รองเลขาธิการ กปร. และคณะอนุกรรมการฯ  เดินทางไปยังห้องประชุมเมืองราด ศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อร่วมประชุมติดตามความก้าวหน้าโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เขตพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยรับฟัง รายงานภาพรวมโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ รายงานสรุปสถานะของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ผลการดำเนินงานของโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จำนวน 7 โครงการ และการต่อยอดโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเหนือเขื่อนป่าสักอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  โอกาสนี้ องคมนตรีให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานโครงการฯ 
             โดยที่ผ่านมาคณะอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนฯ ได้มีการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพื้นที่ภาคเหนือ จำนวน 53 โครงการ แบ่งเป็นโครงการที่มีพระราชดำริโดยตรง และโครงการที่เกิดจากราษฎรขอพระราชทานความช่วยเหลือ (ฎีกา) สำหรับในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ มีโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเหนือเขื่อนป่าสักอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน 7 โครงการ ประกอบด้วย โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 1 โครงการ คือ โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยชะเอมอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และโครงการที่อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม/ขับเคลื่อนได้ จำนวน 6 โครงการ ได้แก่ 1) โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำชุนน้อยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 2) โครงการอ่างเก็บน้ำคลองน้ำทินอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 3) โครงการอ่างเก็บน้ำบ้านนางั่วอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 4) โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยสะดวงใหญ่อันเนื่องมาจากพระราชดำริ 5) โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำจาง-ห้วยบ้านโตกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และ 6) โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยยางอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

 

           นอกจากนี้ยังมีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพื้นที่ภาคเหนือ รวมจำนวน 63 โครงการ เป็นโครงการที่มีพระราชดำริโดยตรง จำนวน 1  โครงการ และโครงการที่เกิดจากราษฎรขอพระราชทานความช่วยเหลือ (ฎีกา) จำนวน 58 โครงการ รวมทั้งโครงการที่หน่วยงานขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัย จำนวน 4 โครงการ โดยจังหวัดเพชรบูรณ์ มีโครงการที่เกิดจากราษฎรขอพระราชทานความช่วยเหลือ (ฎีกา) คือ โครงการแก้มลิงห้วยใหญ่อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จ
ปัจจุบันมีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ นับตั้งแต่ปี 2506 จนถึง กันยายน 2567 ที่อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ รวมทั้งสิ้น 1,980 โครงการ จังหวัดเพชรบูรณ์ มีโครงการฯ จำนวน 45 โครงการ ประกอบด้วย โครงการพัฒนาด้านแหล่งน้ำ จำนวน 35 โครงการ โครงการพัฒนาด้านการเกษตร จำนวน 2 โครงการ โครงการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม จำนวน 2 โครงการ โครงการพัฒนาด้านคมนาคม/สื่อสาร จำนวน 1 โครงการ โครงการพัฒนาด้านสวัสดิการ/การศึกษา จำนวน 4 โครงการ และโครงการพัฒนาด้านบูรณาการและโครงการพัฒนาด้านอื่น ๆ จำนวน 1 โครงการ

             ช่วงบ่าย องคมนตรีและคณะเดินทางไปยังโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยลึกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลเขาค้อ อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยรับฟังบรรยายสรุปการดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานชลประทานที่ 10 และสรุปผลการดำเนินงานและการบริหารจัดการน้ำโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยลึกฯ จากนั้น องคมนตรีและคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการฯ ชมผลผลิตและผลิตภัณฑ์ของประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งปล่อยพันธุ์ปลา ณ บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยลึกฯ จำนวน 100,000 ตัว เพื่อแพร่ขยายพันธุ์ต่อไป

              สืบเนื่องมาจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระราชดำริเกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำในเขตลุ่มน้ำเข็ก เพื่อประโยชน์ทางด้านการพัฒนาการเกษตร การเลี้ยงสัตว์ การประมง การใช้น้ำเพื่ออุปโภคบริโภค  สำนักงาน กปร. และกรมชลประทาน จึงร่วมกันดำเนินงานสนองพระราชดำริ นำพระราชดำริมาแปลเป็นแผนงานเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำในเขตลุ่มน้ำเข็ก โดยกรมชลประทานได้เริ่มก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยลึกฯ ในปี 2528 แล้วเสร็จในปี 2529 สามารถช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่บ้านดอกจำปี ตำบลเขาค้อ อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ให้ได้รับประโยชน์จากพื้นที่ชลประทาน 600 ไร่ ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ประเภทผักไฮโดรโปนิกส์ กะหล่ำ สนฉัตร ปัจจุบันได้มีการจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำในนาม “กลุ่มบริหารการใช้น้ำชลประทาน อนุรักษ์น้ำเพื่อการเกษตรอ่างเก็บน้ำห้วยลึก” มีสมาชิกจำนวน 80 ราย เพื่อร่วมกันบริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทุกครอบครัวต่อไป


กองประชาสัมพันธ์
สำนักงาน กปร.