องคมนตรี ติดตามผลสัมฤทธิ์โครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในรัชกาลที่ 9 พื้นที่จังหวัดแพร่ ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง
วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 10.00 น. นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคเหนือ นางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการ กปร. พร้อมด้วยที่ปรึกษาอนุกรรมการฯ และคณะอนุกรรมการฯ เดินทางไปยังโครงการอ่างเก็บน้ำแม่สองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลเตาปูน อำเภอสอง จังหวัดแพร่ รับฟังรายงานผลการดำเนินงานของโครงการฯ และรายงานผลการบริหารจัดการน้ำของกลุ่มผู้ใช้น้ำ โอกาสนี้ องคมนตรีให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานโครงการฯ พร้อมทั้งมอบเมล็ดพันธุ์ข้าวพระราชทานและพันธุ์ปลาให้แก่ราษฎร จากนั้นลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการฯ และพบปะเยี่ยมเยียนราษฎรผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการฯ
สืบเนื่องมาจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระราชดำริให้กรมชลประทานแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำสำหรับทำการเกษตร ให้แก่ราษฎรตำบลบ้านกลาง ตำบลเตาปูน ตำบลบ้านหนุน อำเภอสอง จังหวัดแพร่ ตามที่ราษฎรได้ขอพระราชทานความช่วยเหลือ ซึ่งสำนักงาน กปร. และกรมชลประทานได้ดำเนินงานสนองพระราชดำริ โดยกรมชลประทานดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำในปี 2530 แล้วเสร็จในปี 2539 ลักษณะเป็นเขื่อนดินแบบแบ่งโซน (Zone Type) มีความจุที่ระดับน้ำเก็บกัก 65.80 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่โครงการ 39,577 ไร่ พื้นที่ชลประทาน 31,604 ไร่ สามารถส่งน้ำช่วยเหลือพื้นที่เกษตรกรรมในช่วงฤดูฝน จำนวน 29,000 ไร่ และในช่วงหน้าแล้ง จำนวน 21,914 ไร่ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคและทำการเกษตรให้แก่ราษฎร 2 อำเภอของจังหวัดแพร่ คือ อำเภอสอง ได้แก่ ตำบลเตาปูน ตำบลบ้านกลาง ตำบลบ้านหนุน ตำบลแดนชุมพล ตำบลทุ่งน้าว และอำเภอร้องกวาง ได้แก่ ตำบลแม่ยางร้อง รวม 45 หมู่บ้าน 7,221 ครัวเรือน สามารถปลูกข้าวนาปี ที่ให้ผลผลิตเฉลี่ย 813 กิโลกรัมต่อไร่ ราคาจำหน่าย 11 บาทต่อกิโลกรัม สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร 133,290,000 บาท นอกจากนี้ยังปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ผลผลิตเฉลี่ย 910 กิโลกรัมต่อไร่ จำหน่ายในราคา 8 บาทต่อกิโลกรัม สร้างรายได้ถึง 85,990,000 บาท รวมทั้งปลูกพืชอื่น ๆ อาทิ ลำไย พริกใหญ่ อ้อย พื้นที่ปลูกรวม 1,374 ไร่ สร้างรายได้ถึง 23,770,00 บาท อีกทั้งในหน้าแล้งสามารถปลูกข้าวนาปรัง มีรายได้ 57,200,000 บาท ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มีรายได้ 28,000,000 บาท ด้านปศุสัตว์มีการเลี้ยงโคเนื้อ กระบือ สุกร ไก่พื้นเมือง คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจด้านปศุสัตว์ 7,000,000 บาทต่อปี และด้านประมง คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจด้านประมง 1,372,480 บาทต่อปี ทำให้ปัจจุบันราษฎรในพื้นที่มีรายได้เพิ่มขึ้น
ช่วงบ่าย องคมนตรีและคณะเดินทางไปยังโครงการอ่างเก็บน้ำแม่แคมอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลสวนเขื่อน อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ รับฟังรายงานภาพรวมการดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแม่แคมฯ รายงานผลการดำเนินงานของโครงการฯ และรายงานข้อมูลด้านการเกษตรในพื้นที่จังหวัดแพร่ โอกาสนี้ องคมนตรีให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินงานโครงการฯ พร้อมทั้งมอบเมล็ดพันธุ์ข้าวพระราชทานให้แก่ราษฎร จากนั้น พบปะเยี่ยมเยียนราษฎร และลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการฯ
สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2523 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จไปทอดพระเนตรโครงการชลประทานตามพระราชดำริ และทรงเยี่ยมราษฎรบริเวณฝายปลาฝาและอ่างเก็บน้ำร่องฮ่าง ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ ในการนี้ได้มีพระราชดำริให้ “...พิจารณาวางโครงการและก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ ตามลำน้ำสาขาต่าง ๆ ของแม่น้ำยม เพื่อจัดหาน้ำให้ราษฎรหมู่บ้านต่าง ๆ ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดแพร่ ให้สามารถทำการเพาะปลูกได้ทั้งในฤดูฝนและฤดูแล้ง รวมไปถึงเป็นแหล่งน้ำอุปโภคบริโภคให้แก่ราษฎร โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางพื้นที่ฝั่งซ้ายของแม่ยม ระหว่างห้วยแม่ถางและห้วยแม่แคม ในเขตตำบลบ้านถิ่น อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ ซึ่งขาดแคลนน้ำมาก โดยควรพิจารณาก่อสร้างอ่างเก็บน้ำต่าง ๆ เป็นระบบพวงโดยเร่งด่วน...” ซึ่งสำนักงาน กปร. และกรมชลประทานได้ดำเนินงานสนองพระราชดำริ โดยกรมชลประทานดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำลักษณะเขื่อนดินแบบแบ่งโซน (Zone Type) ในปี 2561 และแล้วเสร็จในปี 2568 อ่างเก็บน้ำมีความจุที่ระดับน้ำเก็บกัก 8.55 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถเป็นแหล่งน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคและทำการเกษตรให้แก่ราษฎรหมู่ที่ 1,3,4,7,8 ตำบลสวนเขื่อน หมู่ที่ 1,2,4,5,6,8,9 ตำบลกาญจนา และหมู่ที่ 1,2,3 ตำบลป่าแดง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ รวมทั้งสิ้น 1,881 ครัวเรือน 5,374 คน มีพื้นที่รับประโยชน์ในช่วงฤดูฝน 7,500 ไร่ และช่วงหน้าแล้ง 1,000 ไร่
กองประชาสัมพันธ์
สำนักงาน กปร.