ศรีสะเกษ ลัทธิประหลาดโผล่อีกที่ศรีสะเกษสวดมนต์ภาษาต่างดาวอ้างรักษาคนได้ ผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบข้อเท็จจริงกลับไม่ให้คำตอบ อ้างตำรวจ และฝ่ายปกครอง มาตรวจสอบแล้ว ไม่ได้กระทำผิด      

 


เมื่อวันที่ 22 ส.ค 64 ผู้สื่อข่าวได้รับร้องเรียนจากชาวบ้านว่า มีสามีภรรยาที่อ้างตนเป็นพ่อปู่ฤๅษีและร่างทรง ช่วยรักษาชาวบ้านและมีพิธีการสวดมนต์ที่แปลกๆ โดยมีชาวบ้านได้บันทึกวิดีโอช่วงหนึ่งของการทำพิธีกรรม ซึ่งในคลิปจะเห็นชายที่แต่งกายคล้ายฤๅษี ซึ่งอ้างตัวว่า เป็นพ่อปู่ฤๅษี  ทำพิธีโดยถือไม้ ลักษณะคล้ายไม้เท้าเล็กๆ แตะไปที่หลังและตามตัวของผู้มาทำพิธี พร้อมกับท่องคาถาอะไรบางอย่าง ที่ฟังแล้วไม่รู้เรื่องว่าเป็นภาษาอะไร  ซึ่งผู้หญิงที่มาทำพิธีก็มีอาการคล้ายเจ็บปวด จะอาเจียน  โดยชายที่อ้างเป็นพ่อปู่ฤๅษี ได้อ้างกับชาวบ้านว่า นี่คือการทำพิธีล้างคุณไสยให้กับชาวบ้าน โดยบอกว่าคนที่มาทำพิธีถูกคนทำคุณไสย์ใส่ ซึ่งจะต้องทำพิธีไล่คุณไสย์มนต์ดำ ล้างอาถรรพ์ออกไปให้หมด ซึ่งผู้ที่มาทำพิธีต่างก็เชื่อในเรื่องนี้ และในคลิปจะเห็นว่ามีผู้หญิงหนึ่งคน อยู่ข้างๆ  ชายที่อ้างตัวว่าเป็นพ่อปู่ฤๅษี  โดยผู้หญิงคนนี้บอกว่า ตนทำหน้าที่เป็นร่างทรง อ้างว่าสามารถติดต่อสื่อสารกับวิญญาณได้  โดยชาวบ้านก็รู้ว่าทั้ง 2 คนเป็นสามีภรรยากัน 

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ ที่บ้านอ้อ ม.7 ต.เมืองหลวง อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ  เพื่อติดตามข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ซึ่งจากการสอบถามชาวบ้านละแวกใกล้เคียง ชายคนหนึ่งให้ข้อมูลว่า 2 สามีภรรยาอ้างว่าเป็นหมอดู สามารถรักษาคนได้ มีคนมารักษาอยู่หลายคน ถึงขนาดมีระดับผู้บริหารโรงเรียนในพื้นที่ก็ยังเคยพาคนมารักษา แต่หายจากโรคหรือไม่ตนไม่ทราบเรื่องนี้ โดยในยามวิกาลจะมีการสวดมนต์ในลักษณะภาษาแปลกๆ ซึ่งตนอยู่ในบริเวณใกล้เคียงได้ยินเป็นประจำ ซึ่งตนไม่ทราบว่า 2 สามีภรรยาดังกล่าวเป็นใคร มาจากไหน อาจจะโดนไล่จากที่อื่นแล้วเข้ามาอยู่ในหมู่บ้าน แล้วมาหลอกลวงชาวบ้านหรือไม่ ซึ่งตนอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบในเรื่องนี้ 

หลังจากนั้น ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของ 2 สามีภรรยาดังกล่าว ที่อ้างว่าเป็นอาศรมของฤๅษี เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อเดินทางไปถึงบ้านหลังดังกล่าว พบชายฉกรรจ์  3 - 4 คน และ 2 สามีภรรยาดังกล่าวนั่งรวมกลุ่มกันอยู่ จึงได้สอบถามข้อเท็จจริง โดย 2 สามีภรรยาปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล โดยอ้างว่าหากต้องการทราบข้อมูลต้องมีใบอนุญาต และกล่าวว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการสวดมนต์ปกติและสวดปริยัติธรรม ซึ่งทางตำรวจและฝ่ายปกครองได้มาตรวจสอบแล้ว ไม่พบว่าเป็นการกระทำความผิดแต่อย่างใด และโอเครกับสิ่งที่ตนกระทำ แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีเกี่ยวกับการรักษาคน ว่าสามารถรักษาคนได้หรือไม่  กลับไม่ได้คำตอบแต่อย่างใด และหญิงคนดังกล่าว ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า หากอยากรู้อะไรเพิ่มเติมให้มาร่วมฟังสวดมนต์ได้ในตอนเย็น////

ภาพ / ข่าว   ศิริเกษ   หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ 

 

 

 




หวยเด็ดงวดนี้
เรื่องอื่นๆในหมวด